koenigsegg-trevita

      ถ้าพูดถึงชื่อ Koenigsegg คนไทยน้อยคนที่จะรู้จักบริษัทผู้ผลิตซุปเปอร์คาร์สัญชาติสวีดิชนี้ แต่ต่อไปเราจะคุ้นชื่อนี้มากขึ้นในฐานะบริษัทเจ้าของรถยนต์ Saab ที่ขณะนี้ได้บรรลุการเจรจาขอซื้อมาจาก General Motors แล้ว ถือว่าเป็นการซื้อรถยนต์สัญชาติเดียวกันกลับบ้านเกิดอย่างสวีเดน จะว่าไปเหตุผลในเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจซื้อกิจการของ Saab เข้ามาเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ Koenigsegg

      ซุปเปอร์คาร์รุ่นที่มีชื่อเสียงรุ่นหนึ่งของ Koenigsegg ก็คือ CCXR รถที่แพงและแตกต่างจากชาวบ้านมากที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นรถพื้นฐานในการสร้างซุปเปอร์คาร์สุดพิเศษอีกรุ่นหนึ่งที่ชื่อ Trevita ซึ่งแปลว่า “สีขาวทั้งสาม” ในภาษาสวีดิช เป็นการนำเอา CCXR ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงงานชีวภาพที่ให้กำลังมากถึง 1,018 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 1,060 นิวตัน-เมตร มาทำการแต่งโฉมใหม่ด้วยการเคลือบวัสดุไฟเบอร์ด้วยสีขาวเพชรแวววับที่ใช้เทคโนโลยีเคลือบสีแบบพิเศษที่พัฒนาขึ้นโดย Koenigsegg เอง ทำให้สีวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีสีดำและลวดลายเดิมๆกลายเป็นสีขาวออกเงินแบบเพชรส่องประกายแวววาวด้วยเทคโนโลยีพิเศษนี้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมรถของ Koenigsegg จึงมีราคาแพงมากๆและไม่เหมือนใคร

      Trevita ยังมีการติดตั้งระบบ Infotainment แผงอุปกรณ์มาตรวัดต่างๆ ระบบตรวจลมยาง และ paddle shift ภายนอกมีการใช้ปีกคู่ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ เบรคทำด้วยคาร์บอนเซรามิคพร้อมระบบ ABS นอกจากนั้นแล้วยังมีระบบยกตัวไฮโดรลิคอีกด้วย

      Koenigsegg จะผลิต Trevita ออกมาเพียง 3 คันเท่านั้น ตามชื่อรุ่นเลยคือ สีขาว 3 คัน ส่วนราคาซุปเปอร์คาร์รุ่นนี้ยังไม่มีการเปิดเผยใดๆครับ

                 

      

All-New SRT Viper

      All-New SRT Viper เป็นเจเนอเรชั่น 5 โดยเป็นรุ่นแรกภายใต้บริษัทลูกของเฟียต กรุ๊ป แห่งอิตาลี ในขณะที่ Viper  รุ่นนี้ไม่มีคำว่า Dodge เหมือนรุ่นที่ผ่านมา   โดยมีด้วย 2 เวอร์ชั่น คือ  Viper และรุ่นท็อป Viper GTS

      All-New SRT Viper 2013  มีขนาดตัวถังใกล้เคียงกับรุ่นเก่า โดยมีความยาว 4,463 ม.ม. กว้าง 1,941 ม.ม. และสูง 1,264 ม.ม.  ฐานล้อยาว 2,510 ม.ม. และสูงจากพื้น 127 ม.ม

      All-New SRT Viper 2013  โครงสร้างทำมาจากอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น โครงประตูที่ทำจากอะลูมิเนียม ส่วนฝากระโปรงหน้า-กระโปรงหลัง และหลังคา ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นต้น  จึงทำให้ All-New SRT Viper 2013  มีน้ำหนักเพียง 1,521 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่มีน้ำหนักเบาคันหนึ่งก็ว่าได้

      All-New SRT Viper 2013  รูปโฉมภายนอกได้รับการออกแบบลู่ลม ช่วงหน้ายาว ช่วงล่างต่ำ และหลังคาลอนคู่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ  Viper  ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกันชนพร้อมลิปสปอยเลอร์ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และกระจังรูปตัววี (V)  กระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ ด้านข้างดีไซน์ช่องระบายความร้อนจากล้อหน้าขนาด  ด้านท้ายมาพร้อมกันชนใหม่  และไฟท้าย LED

      All-New SRT Viper  ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง สไตล์รถแข่ง  แต่มีความกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสีดำ-แดง และสีอะลูมิเนียม Gun Metal  โดยในรุ่น GTS แต่งด้วยหนังแท้ทั้งคัน โครงสร้างเบาะทำจากวัสดุเคฟล่าร์และไฟเบอร์กลาสน้ำหนักเบา สไตล์รถแข่งที่มีความทนทานสูง  ตำแหน่งเบาะต่ำกว่ารุ่นเก่า  สามารถปรับระดับสูงต่ำได้  ส่วนด้านความบันเทิงก็อัดมาพร้อมกับเครื่องเสียงชั้นดี พร้อมพาวเวอร์แอมป์

      All-New SRT Viper 2013  ใช้ชุดกันสะเทือนอิสระดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง ช็อกแอบฯ แก๊ส ทั้ง 4 ล้อ ทำจากอะลูมิเนียม ในรุ่น GTS ใช้ช็อกแอบฯ Bilstein DampTronic ที่ปรับได้  2 โหมดการขับขี่

      ระบบเบรกของ  All-New SRT Viper 2013  ใช้ดิสก์เบรกที่มีช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อของ  Brembo  พร้อมคาลิเปอร์อะลูมิเนียม 4 สูบ ทั้งหน้าและหลัง  แถมด้วยระบบเบรก ABS, ESC และ Traction Control  ให้ความมั่นใจทุกการขับขี่

      All-New SRT Viper 2013  ใช้ล้ออะลูมิเนียม (5 ก้าน ในรุ่นธรรมดา 6 ก้าน ในรุ่น GTS )  ขนาด 18.0x10.5 นิ้ว พร้อมยาง P295/30ZR18 ในล้อหน้า และขนาด 19x13 นิ้ว พร้อมยาง P355/30ZR19 ในล้อหลัง

      All-New SRT Viper มาพร้อมเครื่องเบนซินบล็อกใหม่  V10 ความจุ  8.4 ลิตร 20 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 640 แรงม้า ที่ 6,150 รอบ/นาที (เพิ่มจากรุ่นเก่า 40 แรงม้า) และให้แรงบิดสูงสุด 600 ปอนด์-ฟุต ที่ 4,950 รอบ/นาที (เพิ่มจากรุ่นเก่า 40 ปอนด์-ฟุต) ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ Tremec 6 สปีด

      All-New SRT Viper จะออกมาโลดแล่นบนท้องถนนในเร็วๆวันนี้ และคาดว่าน่าจะมีราคาเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์

TOYOTA GT 86 top Sports Coupe

      Toyota FT-86 มีการออกแบบใหม่ทั้งภายในและภายนอกให้มีความเป็นรถสปอร์ตสุดเท่ ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง โตโยต้ากับชูบารุโดยได้ใช้เครื่องยนต์แบบ BCXER หรือเครื่องยนต์ที่มีลักษณะลูกสูบแบบแนวนอน ซึ่งมีช่วงกระบอกสูบ เท่ากับ 86 มิลลิเมตร พอดีสำหรับให้ประโยชน์ในการลดแรงต้าน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และให้พลังในการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เป็นอย่างดี มาพร้อมระบบ D-4S ที่ให้พลังในการขับเคลื่อนและอัตราการเร่งที่เร้าใจ ด้วยขุมพลัง 2,000 ซีซี แรงม้าสูงสุด 200 แรงม้า ให้การตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมมาก

      การวางเครื่องล้อหน้า-ขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีของรถสปอร์ตเป็นการกระจายสมดุลน้ำหนักรถที่ยอดเยี่ยมโดยคำนึงถึงแรงที่เกิดขึ้นทั้ง 3 แกน ส่งผลให้การทรงตัว การควบคุม การออกตัว และการเร่งแซง เป็นไป ได้ดั่งใจ นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังให้การตอบสนองที่รวดเร็ว คอนโทรลง่าย และมีรอบ Redline สูงอีกทั้งยังมีแรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ แรง แต่ประหยัดเทียบเท่ารถซีดาน ผลที่ได้ก็คือกำลังที่ตอบสนองดั่งใจ จุดศูนย์ถ่วงต่ำเพียง 460 มิลลิเมตร

      รูปลักษณ์ภายนอกดูล้ำสมัย ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ไฟหน้าโคมโปรเจคเตอร์แบบ HID สว่างชัดเจน แม้ขับขี่ยามค่ำคืน ไฟท้ายเป็นแบบ LED สวยงาม พร้อมช่องรับลมขนาดใหญ่ที่กันชนหน้าให้ความรู้สึกที่ดุดัน และระบายอากาศได้ดี สเกิร์ตรอบคัน ตอกย้ำความเป็นสปอร์ตพันธุ์แท้ ท่อไอเสียแบบท่อคู่พร้อมปลายท่อแบบสแตนเลส โดดเด่นด้วยล้อใหม่และระบบช่วยระบายอากาศเพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น พร้อมระบบช่วยเบรกเพื่อลดการลื่นไถลของรถ 

 ส่วนการออกแบบภายในก็ตกแต่งได้อย่างสวยงาม เบาะนั่งด้านหน้าดีไซน์สปอร์ต โอบกระชับบริเวณขาและหลัง สอดคล้องกับตำแหน่งการนั่งในระดับต่ำที่นั่งเป็นแบบ 2+2 สามารถพับเบาะหลังปรับระดับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บของด้านหลังให้มากขึ้น

Standard grade MT ราคาเริ่มต้นรวม Vat และเครื่องปรับอากาศ 2,490,000 บาท

Standard Grade AT ราคาเริ่มต้นรวม Vat และเครื่องปรัอากาศ 2,560,000 บาท

Top Grade AT ราคาเริ่มต้นรวม Vat และเครื่องปรัอากาศ 2,740,000 บาท

ส่วนเรื่องสี ก็มีให้เลือกทั้งหมดถึง 7 สีด้วยกัน

Nissan Skyline GTR R35

     

     หากพูดถึงซูเปอร์คาร์ในบ้านเรา หากพูดถึงรถซูเปอร์คาร์ที่มีคุณสมบัติที่มีความมันในการขับขี่ ความแรงของเครื่องยนต์ อัตราเร่งการออกตัวที่ดีเยี่ยม ความเร็วสูงสุดเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อว่าห้าชื่อเเรกที่จะถูกพูดชื่อมาก่อนหนึ่งในนั้นคือเจ้า  Nissan GT-R(R35) แน่นอน และในส่วนตัวสำหรับผมแล้วเจ้าก็อตซิลล่าจากญี่ปุ่นคันนี้เป็นซูเปอร์คาร์ที่คุ้มค่ามากที่สุดหากนำคุณสมบัติเกี่ยวกับเรื่อง ราคา,ความเเรง,ความสนุกในการขับ มาเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินใจโดยตัดคุณสมบัติเรื่อง การออกแบบ รูปลักษณ์ หรือความชื่นชอบในแบรนด์ของรถในเเต่ละคนออกไป ราคาไม่แพง(หากเทียบกับซูเปอร์คาร์ฝั่งยุโรป) มีความแรงถูกใจคนชอบความเร็ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นซูเปอร์คาร์ GT-R(R35) คันนี้วิ่งกันบ่อยตามท้องถนน

2013 Nissan GT-R (R35) ด้านหน้า

2013 Nissan GT-R (R35) ด้านข้าง

      ตามที่ได้รับข้อมูลจากผู้ใช้งานจริง Nissan GT-R(R35) จะมีคุณสมบัติข้อดีดังข้างบนคือ ราคาไม่แพง(หากเทียบกับซูเปอร์คาร์ฝั่งยุโรป) ภายในตัวรถมีลูกเล่นเยอะมาก ให้อัตราเร่งที่ดีมาก ความเร็วสูงสุดเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง  ขับมันและขับได้ทุกวัน…ข้อเสีย การบำรุงรักษาจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าฝั่งยุโรป หลัก ๆ คงจะเป็นที่การเปลี่ยนถ่ายของเหลว โดยเฉพาะน้ำมันเกียร์ที่จะต้องใช้ของ GT-R โดยเฉพาะเพราะเจ้าก็อตซิลล่าตัวนี้ใช้ระบบเกียร์เเบบ Dual Clutch ที่ต้องเปลี่ยนทุก 30,000 กิโลเมตร ในการขับปกติ หรือทุก 3,000 กิโลเมตร ในการขับในสนามแข่ง เปลี่ยนหนึ่งครั้งต้องใช้น้ำมันเกียร์ประมาณสิบลิตร ราคาลิตรละประมาณ 3500 -4,000 บาท

      สำหรับคำถามที่ Nissan GT-R(R35) ราคาถึงมีทั้ง 7-8 ล้านบาท และ 15 ล้านบาท เพราะเจ้าก็อตซิลล่าคันนี้มีรุ่นธรรมดาที่เราเห็นกันทั่วไปราคาอยู่ราว  7-8 ล้านบาท ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือ Spec V ราคาอยู่ราว 15 ล้านบาท … Spec V ความเด่นของรุ่นนี้คือจะน้ำหนักเบากว่ารุ่นธรรมดาราว 200 กิโลกรัม  โดยชิ้นส่วนสำคัญที่นำมาเเทนชิ้นส่วนปกติคือคาร์บอนเคฟล่าร์ซึ่งคุณสมบัติคือเบากว่าเหล็กเเละเหนียวกว่า

      มาพูดถึงในส่วนของเจ้าก็อตซิลล่าตัวล่าสุด 2013 ที่กำลังจะมาเมืองไทยคนที่ชื่นชอบยลโฉมกัน …ตั้งแต่เปลี่ยนจาก Nissan Skyline R34 เป็น GT-R (R35) เมื่อปี 2007 … Nissan GT-R ก็ได้รับการปรับแต่งให้ดีขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด 2013 Nissan GT-R คันนี้จะมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ยังคงใช้เครื่องยนต์ขนาดเดิมเเต่ให้กำลังเพิ่มขึ้น V6 3.8 ลิตร twin-turbocharged ระบบเกียร์แบบ 6 speed dual clutch ด้านกำลังของเครื่องยนต์เดิมที่มาจากโรงงานคงจะไม่ถึงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ที่ 560 แรงม้า แต่จะเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นปี 2012 แน่นอนแต่จะเพิ่มขึ้นมา 15 เรงม้า ทำให้ 2013 Nissan GT-R จะมีกำลังอยู่ที่  545 แรงม้า และสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือรถสามารถให้เเรงบิต 466 lb-ft  ที่ 3,200 รอบต่อนาทีถึง 5,800 รอบต่อนาทีในตลาดอเมริกาคาดว่าน่าจะออกวางจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้า โดยราคาเริ่มต้นที่ $99,590 (รุ่น Premium)  $109,330 (รุ่น Black Edition) และ $115,710 (รุ่น Track Edition)