วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Lamborghini Aventador LP 700-4


Lamborghini Aventador LP700 4 43



      เมื่อพูดถึงรถซูเปอร์คาร์ แน่นอนว่าสิ่งที่เรานึกถึงก็คือความเร็วและแรงที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ส่วนเรื่องประหยัดพลังงานนั่นน่ะ ลืมไปได้เลย เพราะค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากสำหรับรถหรูที่เจ้าของพร้อมจะจ่ายให้กับทุกอย่างเต็มที่ แต่ล่าสุด ใครจะไปเชื่อว่า รถซูเปอร์คาร์ กับรถประหยัดพลังงานได้มาอยู่ในคันเดียวกันแล้ว เมื่อค่ายกระทิงดุลัมโบร์กินี ได้ผลิตซูเปอร์คาร์รุ่น Aventador LP 700-4 ออกมา โดยยึดเอาเทรนด์ประหยัดพลังงานมาผสมผสานกับเอกลักษณ์รถแรง ๆ ของค่ายนี้


      เจ้ากระทิงดุ Aventador LP 700-4 คันนี้ ภายในเป็นเครื่องยนต์แบบ V12 ขนาด 6,500 ซีซี พร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ ISR ที่ประมวลผลในการปรับเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์ได้ในเวลาเพียง 0.05 วินาทีเท่านั้น และยังสามารถเลือกโหมดการขับได้ถึง 3 แบบ ได้แก่ โหมดขับบนถนนหลวง (Strada) โหมดขับในสนามแข่ง (Sport) และโหมดสำหรับสนามแข่งที่นักขับต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถอย่างเต็มที่ (Corsa) สามารถเพิ่มความเร็วจาก 0 -100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 2.9 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง


      นอกจากนี้แล้ว มันยังถูกเพิ่มระบบการสตาร์ทและดับเครื่องแบบออโตเมติค (Automatic engine start/stop) ที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุด ด้วยการใช้เวลาเพียง 180 มิลลิวินาทีในการสตาร์ทที่มีคาปาซิเตอร์แบบพิเศษเป็นตัวช่วย จึงทำให้ประหยัดน้ำมันในขณะรถจอด รวมถึงมีระบบ CDS (Cylinder Deactivation System) ที่เมื่อขับด้วยความเร็วไม่เกิน 135 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานเท่ากับเครื่องยนต์ 6 สูบ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานขึ้น 7% เพิ่มอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากเดิมอยู่ที่  5.8 กิโลเมตร/ลิตร มาเป็น 6.2 กิโลเมตร/ลิตร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20% เลยทีเดียว


      ส่วนราคาเจ้ากระทิงดุคันนี้เริ่มต้นที่ 34 ล้านบาท ส่วนรุ่นฟูลออปชั่นอยู่ที่ 36 ล้านบาท นำเข้าโดยบริษัท นิช คาร์ จำกัด บริษัทผู้นำเข้ารถชื่อดังหลายแบรนด์ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่ค่ายกระทิงดุได้ผลิตรถรุ่นนี้ขึ้นมา งานนี้นอกจากจะทำให้นักซิ่งทั้งหลายได้ประหยัดค่าน้ำมัน แล้วยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย






วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Lamborghini Veneno





Lamborghini Veneno
เปิดตัวโฉมหน้าอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในงานมหกรรมรถยนต์ระดับโลก Geneva Motor Show 2013 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับ "Lamborghini Veneno" ซูเปอร์คาร์ค่าตัวแพงลิบลิ่วซึ่งมีราคาเปิดตัวสูงถึง 3.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 112 ล้านบาท) แถมผลิตเพียงแค่ 3 คันในโลกเท่านั้น!!

ทั้งนี้ Veneno รุ่นดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 50 ปีของทางค่ายแลมบอร์กินี่ โดยชื่อรุ่นนั้นมาจากชื่อของวัวกระทิงนักสู้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุร้ายและมีความแข็งแรง ซึ่งคร่าชีวิตมาทาดอร์ไปแล้วหลายรายเมื่อปี 1914 ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสื่อให้เห็นถึงความทรงพลังของตัวรถนั่นเอง โดยเมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว คงพูดได้ว่ามันดูปราดเปรียวและดุดันสมชื่อจริง ๆ 

Lamborghini Veneno

 ตัวรถหลายจุดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ กรอบไฟหน้าที่ดีไซน์มาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่องดักลมขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาตามหลักแอโรไดนามิก เพื่อให้รถลู่ลมทะยานแหวกอากาศได้เต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมกับบั้นท้ายที่มีแผงดิฟฟิวเซอร์รีดอากาศขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยสปอยเลอร์สุดโฉบเฉี่ยว เปรี้ยวจี๊ดด้วยล้ออัลลอยสีดำขอบแดงซึ่งตัดกับสีรถได้อย่างลงตัว และในส่วนของห้องโดยสารก็งดงามไม่แพ้ด้านนอก เพราะมีการตกแต่งมาตรวัดให้ดูมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เบาะหนังที่ตัดเย็บมาด้วยความพิถีพิถันจากวัสดุชนิดพิเศษที่ทางแลมบอร์กินี่เรียกว่า Carbonskin 

Lamborghini Veneno

  มาถึงเรื่องของขุมพลังกันบ้าง Veneno ใช้เครื่องยนต์ V12 ความจุกระบอกสูบ 6.5 ลิตร วิ่งด้วยกำลังแรงสูงสุดถึง 750 แรงม้า มาพร้อมกับระบบเกียร์ ISR 7 สปีด ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 2.8 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 355 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Lamborghini Veneno

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะครอบครอง Lamborghini Veneno รุ่นนี้แล้วล่ะก็ คงต้องขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะรถทั้ง 3 คันที่มีการผลิตออกมานั้นถูกจับจองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Lamborghini Veneno

Lamborghini Veneno

Lamborghini Veneno

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Falcon F7 Specifications


BODY:                            Paint-finished carbon fiber
CHASSIS LAYOUT:      Aluminum and carbon fiber monocque chassis, mid-engine, rear-drive
ENGINE:                        V-8, longitudinal, 7-liters (427 cubic inches), 620 horsepower
                                        @ 6600 rpm, 585 lb-ft torque @ 5400 rpm
GEARBOX:                    6-speed transaxle


LENGTH:                                  174"
WIDTH:                                     78"
HEIGHT:                                    44"
GROUND CLEARANCE:        5-inches plus a temporary 3-inch lift via a hydraulic system
                                                     acting on the front suspension
WEIGHT:                                    2,785 lbs


SUSPENSION:                Fully independent pushrod type with CNC machined aluminum
                                          billet rockers; coil-over dampers with external reservoirs,
                                          adjustable rebound and compression
STEERING:                     Rack-and-pinion, electrically assisted


WHEELS/TIRES:       Front: 20" x 10", P275/35R20
Rear:                           20" x 13", P335/30R20


BRAKES:Type:       Hydraulically assisted, Bosch anti-lock components and electronics
                                  Front: 6-piston high-performance calipers, 15-inch (380mm) vented and
                                  slotted disc
                                  Rear: 4-piston high-performance calipers, 14-inch (355mm) vented and
                                  slotted disc

Video Falcon F7 Supercar 01

0-60:                                Approximately 3.3-3.6 seconds
TOP SPEED:                  Approximately 190-200 mph
1/4 MILE:                       10.9 Seconds
LATERAL ACCEL.:      1.1-1.3g maximum
60-0:                                 Under 100 ft.



วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Agera S

koenigsegg-agera-s_100430686_l



Koenigsegg ค่ายซูเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน เปิดตัวจรวดทางเรียบรุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Agera S ซึ่งมีตำแหน่งการตลาดแทรกกลางระหว่าง Agera รุ่นสแตนดาร์ดและ Agera R เวอร์ชั่นสมรรถนะสูง โดยยังคงตัวถังแบบโรดสเตอร์สองที่นั่งและเปิดหลังคาได้

koenigsegg-agera-s_100430687_l

จริงๆแล้ว Agera S เคยเผยโฉมครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2012 แต่ทาง Koenigsegg เพิ่งเผยข้อมูลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การรองรับเชื้อเพลิงเอทานอล E85 ซึ่งเหมาะสำหรับตลาดเอเชีย

koenigsegg-agera-s_100430684_l

ขุมพลังขับเคลื่อนเป็นบล็อก V8 ความจุกระบอกสูบ 5.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดมหาศาลถึง 1,016 แรงม้า น้อยกว่า Agera R ที่มีแรงม้า 1,140 ตัว ขณะที่แรงบิดอยู่ที่ 811 ฟุตปอนด์ อัตราเร่งเร้าใจอย่างยิ่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ภายใน 2.9 วินาที แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรงจีทำได้ถึง 1.6 จี ความเร็วสูงสุด 402 กม./ชม.

koenigsegg-agera-s_100430685_l

ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปกระจายแรงบิดอย่างเต็มประสิทธิภาพ แชสซีส์เป็นแบบโมโนค็อกทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ เสริมด้วยวัสดุอลูมิเนียมดีไซน์รังผึ้งเพิ่มความแกร่งอีกระดับ

koenigsegg-agera-s_100430683_l

Agera S ยังคงเปิดให้ลูกค้าจับจองอยู่ในเวลานี้ โดยมีทั้งเวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา

koenigsegg-agera-s_100430681_l