วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Pagani Huayra


ด้านข้าง Pagani Huayra


      Pagani (ปากานี ) ล่าสุดซุปเปอร์คาร์แบรนนี้ได้มาให้คนไทยสัมผัสตัวจริงกันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว โดยทาง บริษัท นิช คาร์ จำกัด ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว โดยเมื่อวันที่  17 กุมภาพันธ์  2555 ทาง นิชคาร์ ได้เปิดตัว Pagani Huayra สนนราคาที่ 75 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าที่เล่นรถระดับซุปเปอร์คาร์ทุกเเบรนจนไม่มีแบรนไหนจะเล่นเเล้ว โดย Pagani Huayra ซูเปอร์คาร์ระดับท็อป ผลิตเพียง 40 คัน/ปี น้ำหนักเพียง เพียง 1,350 กิโลกรัม (ซุปเปอร์คาร์ที่น้ำหนักเบาที่สุดในโลก ณ ขณะนี้) และมีเจ้าของในไทยในช่วงเปิดตัวเเล้ว 2 คัน ส่วนปีต่อไปมีโควต้าเพียงปีละ 1 คันในไทยเท่านั้น
Pagani Huayra  ประตูปีกนก
      Pagani กับที่สุดของศิลป์แห่งยานยนต์จริง ๆ ทุกชิ้นส่วนภายในรถปราณีตออกแบบมาเพื่อสำหรับคุณคนเดียว แม้แต่เรือนไมล์ ก็ส่งให้  Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปป์)ทำ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รถที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ  น็อตทุกตัวปั้ม Pagani หมดเลย และเป็นไทเทเนียม โครงสร้างตัวถังทำมาจาก เคฟล่าร์+ไทเทเนียม เพื่อเพื่อความเหนียวของโครงสร้าง
Pagani Huayra  ท่อไอเสียแบบไทเทเนียม แยกปลายสี่ท่อ

      Pagani Huayra เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V12 Twin Turbo ขนาด 6.0 ลิตร มีกำลังถึง 730 แรงม้า กับแรงบิดมหาศาลถึง 102 กก.-ม.
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด 370 กม./ชม.
และ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่ต่ำกว่ารถ V12 ทุกแบรนด์

คุณโฮราซิโอ ปากานี (MR.HORACIO PAGANI) เจ้าของแบรน PAGANI


Pagani Huayra


ออกแบบภายใน Pagani Huayra ที่หรูหรา

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Lotus Evora GTE

Honda-Brio-Prototype-Large
Lotus-Evora-GTE-17
Lotus-Evora-GTE-16
Lotus-Evora-GTE-15
      ที่งาน IAA 2011 Lotus ได้เปิดตัว Evora GTE Limited Edition เวอร์ชั่น Street-Legal หรือสามารถใช้ขับบนท้องถนนได้อย่างถูกกฏหมายและเป็น Road Car ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดที่บริษัทฯเคยสร้างมา จากเดิมที่ทำตลาดในแถบเอเชียเท่านั้น แต่ Lotus ได้ตัดสินใจขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลก โดยการใช้คำว่า GTE เป็นการฉลองการเข้าร่วมลงแข่งในรายการแข่งรถ GTE Series
Lotus-Evora-GTE-13
Lotus-Evora-GTE-14
Lotus-Evora-GTE-10
      ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ทำให้ GTE ผลิตกำลังสูงสุดออกมาได้ถึง 438 แรงม้า ขับเคลื่อนผ่านเกียร์รถแข่งแบบอนุกรม AMT (Automated Manual Transmission) โดยรถที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือรุ่นนี้ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในหลายส่วนของโครงสร้างที่ช่วยลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 105 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ Evora รุ่นมาตรฐาน ในขณะที่ล้ออัลลอยหลอมก็เป็นชนิดน้ำหนักเบาเช่นกัน หุ้มด้วยยาง Pirelli P-Zero Corsa นอกจากนั้นแล้วยังมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์กับส่วนต่างๆภายในห้องโดยสาร ทั้งเบาะนั่งจาก Recaro น้ำหนักเบา โดยมีการแต่งลวดลายภายในด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุหนัง
Lotus-Evora-GTE-11
Lotus-Evora-GTE-12
Lotus-Evora-GTE-09
Lotus-Evora-GTE-02
Lotus-Evora-GTE-03
Lotus-Evora-GTE-04

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Jaguar XJ220



 
      ในส่วนของการทำสี คันนี้ผมทำสีแดงเมทัลลิคโดยพ่นสีเงินก่อน แล้วตามด้วยเคลียร์แดง (สีเดียวกับ Porsche 911 Turbo)   เสร็จแล้วพ่นเคลียร์ใสทับ 2-3 ชั้น   ในขั้นตอนนี้ผมเจอกับปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งครับ   คือสีมันไม่เรียบ เห็นเป็นลูกคลื่นเลย   ผมพยายามพ่นแก้แต่ก็ไม่หาย   เลยลองใช้กระดาษทรายเบอร์ 1500 มาขัดเบาๆ แล้วใช้ยาขัดสีซ้ำ สีถึงได้เรียบครับ



      จุดกำเนิดของ Jaguar XJ220 เดิมนั้นมาจากการที่บรรดาวิศวกรของ Jaguar ต้องการที่จะสร้างรถสปอร์ตในฝันขึ้นมาสักคันหนึ่ง   พวกเขาจึงได้เริ่มโครงการสร้างรถต้นแบบขึ้นมาเอง โดยที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากทางบริษัท   มีเพียงการสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์และให้คำปรึกษาเล็กน้อยเท่านั้น


     รถสปอร์ตต้นแบบของพวกเขาใช้เครื่องยนต์ V12  48 วาล์ว ความจุ 6 ลิตร ให้กำลังไม่น้อยกว่า 500 แรงม้าและใช้ระบบขับเคลื่อน 4WD   ต่อมามีผู้สนใจและเข้าร่วมโครงการนี้มากขึ้น   ทางบริษัทจึงอนุมัติให้ทำโครงการอย่างจริงจัง โดยให้ใช้ชื่อว่า " XJ220 "   ซึ่งรหัส 220 ก็มาจากเป้าหมายที่จะทำความเร็วสูงสุดให้ได้ 220 ไมล์/ชม.นั่นเอง   หลังจากรถต้นแบบสำเร็จลง มันก็ถูกนำไปเปิดตัวที่งาน Bermingham Motor Show ในปี 1988   และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มียอดสั่งจองเข้ามามากมาย   สายการผลิตจริงจึงได้เริ่มต้นขึ้น


     อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถต้นแบบจะได้รับความชื่นชมมากเพียงไร แต่พอมาเป็นรถจริงกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร  นั่นก็เพราะคุณภาพในการผลิตไม่ค่อยดี   วัสดุต่างๆที่ใช้ในการผลิตเป็นของราคาถูก   ทัศนวิสัยในการขับขี่ค่อนข้างแย่ เครื่องยนต์ V12 และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อถูกยกเลิกไปเนื่องจากใช้ต้นทุนในการพัฒนาสูง  นอกจากนี้มันยังไม่ได้ผลิตโดย Jaguar อีกด้วย   ผู้ที่ทำการผลิต XJ220 คือบริษัท TWR ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาด้านรถแข่งของ Jaguar นั่นเอง  TWR สร้าง XJ220 ขึ้นโดยใช้พื้นฐานจากรถแข่ง Group C ของ TWR เองก็คือ XJR-11   โดยทำการดัดแปลงช่วงล่างให้เหมาะสมกับการใช้งานบนถนนปกติ  เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3.5 ลิตร Twin-turbo ก็เป็นของ TWR แต่ปรับแต่งให้แรงขึ้นกว่าเดิมเป็น 542 แรงม้า แรงบิด 475 ปอนด์-ฟุต  มันได้กลายเป็นรถที่แรงที่สุดในโลกในยุคนั้นทันที  ความเร็วสูงสุดที่ XJ220 ทำได้จากการทดสอบในสนาม Nardo ประเทศ Italy คือ 217 กม./ชม.  (แต่ในปีต่อมามันก็ถูกทำลายสถิติลงโดย Mclaren F1)


    อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Jaguar XJ220 ไม่ได้รับการตอบรับที่ดี  ก็เป็นเพราะราคาที่ Jaguar ตั้งไว้นั้นสูงมากเมื่อเทียบกับรถสปอร์ตยี่ห้ออื่นที่ออกมาในช่วงเดียวกันคือ 475,000 ปอนด์   ซึ่งแพงกว่า Bugatti EB110 ถึง 2 เท่า  และแพงกว่า Lamborghini Diablo ถึง 4 เท่าตัวเลยทีเดียว
 


ข้อมูลทางด้านเทคนิค
เครื่องยนต์V6 DOHC 24 Valve, Twin Turbo
ความจุเครื่องยนต์3,498 cc.
รูปแบบเครื่องยนต์วางตามยาวกลางลำตัว, ขับเคลื่อนล้อหลัง
แรงม้า542 แรงม้า  ที่  7,200 รอบ/นาที
แรงบิด475 ปอนด-์ฟุต  ที่  4,500 รอบ/นาที
ความเร็วสูงสุด345 กม./ชม.
ปี1992-1994
จำนวนการผลิตประมาณ 350 คัน